วันศุกร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2554

ดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่

สำหรับทริปนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทริปที่น่าสนใจ น่าไปสัมผัสบรรยากาศความหนาว อีกทั้งอากาศบริสุทธิ์บนยอดดอย ทริปนี้ฉันจึงขอแนะนำดอนอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่   สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ( ดอยอ่างขาง ) เป็นสถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง ตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่        มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,400 เมตร และมียอดดอยสูงถึง 1,928 เมตร พื้นที่รับผิดชอบประมาณ 26.52 ตารางกิโลเมตร หรือ 16,577 ไร่ จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2512 ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า "ให้เขาช่วยตัวเอง" เปลี่ยนพื้นที่จากไร่ฝิ่นมาเป็นแปลงเกษตรเมืองหนาวที่สร้างรายได้ดีกว่าเก่าก่อน  ปัจจุบัน ดอยอ่างขาง ได้เปลี่ยนสภาพจากภูเขาซึ่งถูกตัดไม้ทำลายป่ามาเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้ผลกว่า 12 ชนิด ผักเมืองหนาวกว่า 60 ชนิด และไม้ดอกเมืองหนาวมากกว่า 20 ชนิด สภาพอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 16.9 องศาเซลเซียส มีชาวไทยภูเขาเผ่าจีนฮ่อ ไทยใหญ่ มูเซอดำ และปะหล่อง อาศัยอยู่โดยรอบกว่า 600 ครัวเรือนใน 6 หมู่บ้าน
สถานที่น่าสนใจภายในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ได้แก่
  • สวนแปดสิบ (สวน80)  สวนแปดสิบ เป็นสวนดอกไม้เมืองหนาว ซึ่งมีดอกไม้เมืองหนาวสีสันสดใส ประดับประดาอยู่มากมาย อันได้แก่ กะหล่ำแฟนซี ซึ่งมีทั้งสีขาว และสีม่วง, เยอบีร่า, รูบาร์ป, คริสต์มาส, เทียนแฟนซี, แซลเวีย และดอกไม้อื่น ๆ อีกมากมาย
  • สวนกุหลาบ สวนกุหลาบ เป็นที่รวบรวมกุหลาบมากมายหลายพันธ์ ส่วนใหญ่เป็นกุหลาบขนาดใหญ่ สวนกุหลาบตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของที่ทำการสถานีเกษตร ฯ
  • สวนบอนไซ สวนบอนไซ อยู่ในบริเวณสถานีฯ เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้เขตอบอุ่นและเขตหนาวทั้งในและต่างประเทศ ปลูก ดัด แต่ง โดยใช้เทคนิคบอนไซ สวยงามน่าชม และในบริเวณเดียวกันยังมีสวนสมุนไพร ฤดูท่องเที่ยวอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม
  • หมู่บ้านคุ้ม ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีฯ เป็นชุมชนเล็กๆ ประกอบด้วยผู้อยู่อาศัยหลายเชื้อชาติอยู่รวมกัน อาทิชาวไทยใหญ่ ชาวพม่าและชาวจีนฮ่อ ซึ่งได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณนี้และเปิดร้านค้าบริการแก่นักท่องเที่ยว
จุดชมวิวกิ่วลม  อยู่ทางด้านซ้ายมือก่อนถึงทางแยกซึ่งจะไปหมู่บ้านปะหล่องนอแลทางหนึ่ง และบ้านมูเซอขอบด้งทางหนึ่ง สามารถชมทะเลหมอกและวิวพระอาทิตย์ทั้งขึ้นและตก มองเห็นทิวเขารอบด้านและหากฟ้าเปิดจะมองเห็นสถานีเกษตรหลวงอ่างขางด้วย
หมู่บ้านนอแล ตั้งอยู่บริเวณชายแดนไทย - พม่า คนที่นี่เป็นชาวเขาเผ่าปะหล่องเชื้อสายพม่า แต่เดิมคนกลุ่มนี้อยู่ในพม่าและพึ่งอพยพมา มีภาษาและวัฒนธรรมเป็นของตนเอง นับถือศาสนาพุทธ ทุกวันพระผู้คนที่นี่หยุดอยู่บ้านถือศีล จากหมู่บ้านนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์สวยงามของธรรมชาติบริเวณพรมแดนไทย-พม่า


ที่พัก ร้านอาหาร     บ้านพักรับรองภายในศูนย์ฯ จำนวน 18 หลัง  ขนาดพัก 2 คน ราคา 1,000 บาท/หลัง/คืน ขนาดพัก 6 คน ราคา 1,200 บาท/หลัง/คืน และขนาดพัก 40 คน ราคา 150 บาท/คน/คืน
เต็นท์บริการ ขนาด 2-3 คน ราคา 150 บาท/หลัง/คืน หากรวมถุงนอนราคา 300 บาท/หลัง/คืน ขนาด 4-5 คน ราคา 300 บาท/หลัง/คืน หากรวมถุงนอน ราคา 500 บาท/หลัง/คืน กรณีนำเต็นท์มาเองคิดค่าบริการพื้นที่คนละ 20 บาท
มีร้านอาหารและเครื่องดื่มภายในสโมสรอ่างขาง
หมายเหตุ.- กรุณาสำรองที่พักล่วงหน้าก่อนเดินทางอย่างน้อย 1 เดือน โทร. 0-5345-0107-9
           การเดินทาง  เส้นทางที่ 1 จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้เส้นทางหลวงสาย 107 เชียงใหม่-ฝาง เลี้ยวซ้ายทางแยกตำบลเมืองงาย ตรงเข้าเส้นทางหลวงสาย1178 ผ่านบ้านอรุโณทัยไปยังศูนย์ฯ
เส้นทางที่ 2 จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้เส้นทางหลวงสาย 107 เชียงใหม่-ฝาง ถึง กม. 137 แยกบ้านปางควาย เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงสาย 1249 ตรงไปประมาณ 25 กิโลเมตร
หมายเหตุ - ใช้รถยนต์ได้ทุกประเภท (ควรเช็คสภาพเครื่องยนต์ก่อนขึ้นเขา และผู้ขับขี่ควรมีประสบการณ์ เพราะเส้นทางมีความชันมาก) หรือใช้บริการรถยนต์รับจ้าง จุดจอด ณ ปากทางขึ้นดอยอ่างขาง ราคาเหมา 1,000 - 1,500 บาท


วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ความทรงจำดีๆ



       ทริปนี้ฉันขอนำเสนอ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน  ซึ่งเป็นทริปที่ฉันได้ไปสัมผัสบรรยากาศความหนาวที่นี่มาแล้ว ขอบอกได้เลยว่า ไปแล้วไม่เสียเที่ยวจริงๆ เป็นสถานที่อีกที่หนึ่งที่น่าสนใจ เหมาะที่จะไปสัมผัสบรรยากาศความหนาวและธรรมชาติป่าเขาล้อมรอบ แต่ก็น่าเสียดายที่ฉันไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ การไปเที่ยว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอนในครั้งนั้นก็มีความประทับใจและความทรงจำดีๆอีกมากมาย พร้อมทั้งมิตรภาพในการเดินทาง เพราะการเดินทางไป อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอนในครั้งนั้นฉันได้เดินทางไปกับชมรมรถแลมเบรตต้า ขอบอกได้เลยว่าได้สัมผัสธรรมชาติของป่าเขาตลอดเส้นทางอย่างแท้จริง และคุ้มค่าต่อการไปออกทริปครั้งนั้นจริงๆ

       ปาย อำเภอเล็กๆในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย  ความเงียบสงบ ลำน้ำปายสายน้อยที่ไหลเอื่อยผ่านกระต๊อบเล็กๆ อันเป็นที่พำนักของนักท่องเที่ยว ภูเขาที่ใหญ่น้อยที่โอบล้อม  เป็นเสน่ห์ที่ประทับใจนักท่องเที่ยวอย่างไม่รู้เลือน   ในฤดูฝนริมลำน้ำปายจะดารดาษไปด้วยทุ่งนาข้าวเขียวขจี และเมื่อย่างเข้าฤดูหนาว ทุ่งนาข้าวก็จะแปรเปลี่ยนเป็นไร่กระเทียมที่ทอดตัวยาวไปจรดเชิงเขา ท่ามกลาง สายหมอกเย็นระรื่น รุ่งเช้าไอหมอกจากแม่น้ำปาย ค่อยๆ สะสมปกคลุมไปทั้งตัวเมือง ให้ทุกสิ่งของเมืองปายดูเลือนรางแต่กลับเต็มไปด้วยเสน่ห์ ยามสายหมอกจางหาย เหลือเพียงเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบกรุ่นกลิ่นไอศิลปะและอารมณ์สบายๆ    น่านั่งจิบกาแฟปล่อยอารมณ์ให้ไหลไปกับเวลาที่ค่อยๆ ย่างก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ  ใกล้ๆ เที่ยง วิถีปายก็เปลี่ยนไป มอเตอร์ไซค์คันน้อยจะทยอยออกจากเมือง พานักท่องเที่ยวรับลมและสัมผัสกับธรรมชาติรอบๆ เมืองน้อยกลางหุบเขาแห่งนี้ หรือพานักท่องเที่ยวมุ่งหน้าเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยว สำคัญอันหลากหลาย ทั้งวัดน้ำฮู  Coffee in Love หรือ ศูนย์วัฒนธรรมยูนนาน จนกระทั่งราตรีมาเยี่ยมเยือน ถนนก็เริ่มครึกครื้น ร้านขายโปสการ์ด hand-made เปิดไฟสีนวลให้ร้านยิ่งน่ารักชวนมอง ชาวดอยต่างๆ ก็ปูผ้ากันริมถนนขายสินค้าพื้นเมือง ทั้งย่ามทอมือ ผ้าปักหลากสี เสียงเพลง Ginger Tea แว่วดังขึ้น ชาวต่างชาติกลุ่มใหญ่ก็เข้ามารุมล้อมรถเข็นขายน้ำขิงในกระบอกไม้ไผ่ และรับฟังเพลงน่ารักๆ จากปากแม่ค้า ตกดึกเสียงเพลงบอสซ่าใสๆ สไตล์อาร์ต ๆ เริ่มคลอเคลียสู่ผู้มาเยือน เรียกให้เข้าไปผ่อนคลายร่างกายในร้านกินดื่ม ไม่ว่าจะเป็นร้านดั้งเดิมเป็นที่นิยมของปายอย่าง B-Bop และร้านเก่า-ใหม่มากมาย ฝรั่งซำเหมาเริ่มย่างเท้าเข้าร้านประจำ ฝรั่งแบคแพคส่วนใหญ่ แค่เบียร์สองขวดก็ดื่มได้ทั้งคืน เป็นนัยว่าแอลกอฮอล์เป็นแค่ส่วนประกอบของการนั่งละเลียดอารมณ์ แบ่งปันประสบการณ์กับเพื่อนๆนักท่องเที่ยวกัน ทุกอย่างนี้ล้วนแต่งแต้มสีสันเมืองปายในยามราตรีให้ดูสดใสทุกค่ำคืน


การเดินทางไปอ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอนในอดีตเป็นเมืองที่เร้นลับและทุรกันดาร ในสายตาของนักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป เนื่องจากเดิมนั้นการเดินทางเข้าสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีถนนเพียงสายเดียว คือ ทางหลวงหมายเลข 108 ซึ่งตัดจากจังหวัดเชียงใหม่ผ่านอำเภอหางดง สันป่าตอง จอมทอง ฮอด แม่สะเรียง แม่ลาน้อย และขุนยวม มาถึงอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน รวมระยะทางประมาณ 349 กิโลเมตร เส้นทางสายนี้เป็นทางตัดขึ้นเขาสูง มีความสวยงามและคดเคี้ยวนับได้มากถึง 1,864 โค้ง
               ปัจจุบันมีถนนจากจังหวัดเชียงใหม่ถึงแม่ฮ่องสอน เพิ่มขึ้นอีกสายหนึ่งคือทางหลวงหมายเลข 1095 หรือที่เรียกโดยทั่วไปว่าเส้นทางสายแม่มาลัย-ปาย ตัดจากอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ถึงอำเภอปายจังหวัดแม่ฮ่องสอนเหลือระยะทางเพียง 245 กิโลเมตร
              นอกจากนี้ เส้นทางนี้ยังเป็นเส้นทางผ่านไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ด้วย อาทิ ห้วยน้ำดัง และถ้ำต่างๆ ปัจจุบันเป็นถนนลาดยางอย่างดีตลอดสาย และหากนักท่องเที่ยวสนใจ เดินทางจากจังหวัดตากไปยังจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยไม่แวะเข้าจังหวัดเชียงใหม่ก็สามารถเดินทางได้ตามทางหลวงหมายเลข 108 ผ่านอำเภอแม่สอด-แม่ระมาด-ท่าสองยาง ถึงอำเภอแม่สะเรียง มีระยะทางประมาณ 300 กิโลเมตร เป็นทางลาดยาง
ส่วนผู้ที่จะนั่งรถโดยสาร สามารถไปขึ้นรถโดยสารได้ที่สถานีขนส่งอาเขต จังหวัดเชียงใหม่ เป็นรถเมล์ขนาดเล็กไม่มีเครื่องปรับอากาศ ราคาค่าโดยสาร 68 บาท ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง หรือนั่งรถตู้ ราคา 160 บาท ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง
อีกทางหนึ่งที่อยากแนะนำ คือนั่งเครื่องบินคะ ซึ่งเพื่อนๆ จะได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม จากมุมมองของเครื่องบิน  ซึ่งสามารถ ถ่ายภาพสวยๆ  ของอ.ปาย  ในมุมมองที่ไม่เหมือนใคร ช่วงนี้ทางสายการบิน เค้ามีโปรโมชั่น พร้อมที่พักในราคาที่แสนถูกด้วยนะคะ



 
ที่พักปาย เป็นที่พักราคาไม่แพงจนเกินไปนัก เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวกันเลยทีเดียวลองมาดูกันว่า ที่พักปายมีที่ไหนที่น่าสนใจกันบ้าง โดยด้านล่างนี้จะเป็นที่พักปายหลายๆแบบ มีตั้งแต่ถูกจนถึงแพง ให้เลือกคลิกได้ที่เว็ปนี้ค่ะ http://www.xn--12c8bmjx0gkw5o.com/

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สัมผัสหนาวและบรรยากาศที่สวยงามบนยอดดอย


ฉันเป็นหนึ่งคนที่ชอบท่องเที่ยวไปตามแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหน ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติมากมายให้ฉันเลือก  แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาตินี้จะทำให้ฉันเพลิดเพลิน  ผ่อนคลาย ไปกับทัศนียภาพที่ฉันพบเห็นและยังเป็นการศึกษาถึงความเป็นมาของสถานที่ต่างๆ ไปในตัววามงดงามของธรรมชาติที่ไม่มีใครปรุงแต่ง เป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้พลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาเยี่ยมชมสีสันของอุทยานแห่งชาติต่างๆ อย่างไม่ขาดสาย สีเขียวของป่าใหญ่ดึกดำบรรพ์  
สีเหลืองอมส้มของใบไม้ป่าผลัดใบที่กำลังจะผลัดใบในช่วงเดือนธันวาคม - กุมภาพันธ์ ดอกไม้นานาชนิดที่บานสะพรั่งแข่งกันอวดโฉมอันสวยงามในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - มีนาคม ความโล่งของป่าทุ่งหญ้าหรือไร่ร้าง หน้าผาอันสูงชัน ทำให้มองเห็นสภาพภูมิประเทศได้กว้างไกล เป็นแหล่งที่อยู่ที่สำคัญของกวางผาและนกหลากหลายสายพันธุ์
ทริปแรกสำหรับหน้าหนาวนี้ฉันจึงแนะนำให้ทุกท่านไปพิชิตยอดดอยอินทนนท์   ดอยอินทนนท์อาจเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตในช่วงหน้าหนาวอย่างแน่นอนค่ะ ก่อนที่อากาศร้อนจะมาถึง ควรหาโอกาสดีๆมาพิชิตความ   หนาวบนยอดดอยอินทนนท์กันสักครั้ง  ยอดดอยอินทนนท์เป็นยอดเขาสูงสุดของประเทศ อากาศบนยอดดอยหนาวเย็นประดุจดังอยู่ในเมืองหนาว ยามฤดูหนาวหนาวจัด มีเมฆหมอกครึ้ม บรรยากาศดังกล่าวไม่อาจหาได้ในส่วนอื่นของประเทศ 



             ดอยอินทนนท์ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ประกาศเป็นอุทยานฯ เมื่อพ.ศ.2515 ประกาศเป็นอุทยานฯ เป็นลำดับที่ 6 ของประเทศไทย มีพื้นที่ 482.4 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่วาง และกิ่งอำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่  ดอย อินทนนท์แต่เดิมดอยนี้มีชื่อว่า "ดอยหลวง" หรือ "ดอยอ่างกา"ดอยหลวง มาจากขนาดของดอยที่ใหญ่มาก ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า "ดอยหลวง" 
ดอยอินทนนท์ ดอยอินทนนท์
               จุดชมทิวทัศน์และพระมหาธาตุเจดีย์ ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จุดชมทิวทัศน์อยู่ตรงกิโลเมตรที่ 41 ของถนนสายจอมทอง-ยอดดอยอินทนนท์ สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันกว้างไกลของขุนเขาสลับซับซ้อน โดยเฉพาะยามเช้าจะมีทะเลหมอกปกคลุมเหนือหุบเขาน่าชมมาก จากจุดชมทิวทัศน์สามารถมองเห็นพระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริสูงเด่นอยู่คู่กัน สำหรับทางเข้าพระมหาธาตุฯ ทั้งสององค์อยู่ห่างจากจุดชมทิวทัศน์ไปอีกประมาณ 500 เมตร กองทัพอากาศสร้างพระมหาธาตุทั้งสององค์ขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ บริเวณรอบองค์พระมหาธาตุฯ ประดับตกแต่งด้วยไม้ดอกเมืองหนาวสวยงาม
              การเดินทาง ขึ้นดอยอินทนนท์
โดยรถยนต์ส่วนตัว  อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 70 กิโลเมตร ตามทางหลวหมายเลข 108 (เชียงใหม่-ฮอด) ไปประมาณ 58 กิโลเมตร บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 58 (ก่อนถึงตลาดอำเภอจอมทอง 3 กิโลเมตร) เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1009 (จอมทอง-ดอยอินทนนท์) เมื่อเลี้ยวขวาเข้ามา ก็จะพบกับป้าย " ดอยอินทนนท์ 47 กิโลเมตร " นับเริ่มต้นการเดินทางสู่ยอดดอย จากจุดนั้น ขับเข้ามาจนถึง กม. 8 ก็ จะพบกับทางแยกขวามือ ขึ้นสู่ยอดดอย เมื่อเลี้ยวขวาเข้ามา ก็จะพบด่านเก็บค่าธรรมเนียม ของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เมื่อเสียค่าธรรมเนียม เด็กอายุ ไม่เกิน 14 ปี คนละ 10 บาท ผู้ใหญ่คนละ 20 บาท รถยนต์ 4 ล้อ คันละ 30 บาท แล้ว ให้เก็บบัตรไว้ด้วย เพื่อจะผ่านด่านที่สอง ที่ กม. 38 อีกครั้งหนึ่ง หรือใช้ไปเที่ยว น้ำตกแม่ยะ ในวันนั้นก็ได้ 
รถโดยสารประจำทาง  นั่งรถสองแถวสายเชียงใหม่-จอมทองบริเวณประตูเชียงใหม่ จากนั้นขึ้นรถสองแถวที่หน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง วรวิหารหรือที่น้ำตกแม่กลาง ซึ่งจะเป็นรถโดยสารประจำทางไปจนถึงที่ทำการอุทยานฯตรงหลักกิโลเมตรที่ 31 และหมู่บ้านใกล้เคียงแต่หากต้องการจะไปยังจุดต่าง ๆ ต้องเหมาไปคันละประมาณ 800 บาท

                  บริการที่พัก มี ทั้งบ้านพัก เต้นท์สนามคู่ และสถานที่กางเต้นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยว ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ กม. ที่ 31 อำเภอจอมทอง จ.เชียงใหม่ 50160 โทร. (053) 268550 หรือติดต่อที่สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. (02) 57954852, 5795269 หรือคลิกเข้ามาหาข้อมูลละเอียดยิบได้ที่นี่เลย http://www.doiinthanon.com/

**แล้วอย่าลืมไปพิชิตความหนาวกันบนยอดดอยอินทนนท์กันนะค่ะสำหรับทริปหน้าจะแนะนำที่ไหนติดตามกันได้ที่นี่เร็วๆๆนี้**